Start planning your trip
【SAKURA】ทำไมทุกคนถึงชอบดอกซากุระ – เหตุผลที่คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการชมซากุระ
ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมและเรื่องราวต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น จะต้องมีชื่อของดอกซากุระอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็น “ญี่ปุ่นกับดอกซากุระ”
ถ้าพูดถึงวัฒนธรรมและเรื่องราวต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น จะต้องมีชื่อของดอกซากุระ
อยู่ด้วยอย่างแน่นอน ทำไมคนญี่ปุ่นถึงหลงเสน่ห์และให้ความสำคัญกับดอกซากุระขนาดนี้ด้วยนะ?
ในครั้งนี้จะขอพาเพื่อนๆไปรู้จักกับเรื่องราวและความสัมพันธ์ของ “ญี่ปุ่นกับดอกซากุระ”
มาลองสัมผัสถึงเสน่ห์ของดอกซากุระไปพร้อมๆกันเลย
ซากุระเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ซากุระถือเป็นเรื่องราวและหัวข้อที่ถูกหยิบยกนำมาสร้างเป็นผลงานทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมากมาย
หลากหลายสาขาตั้งแต่ในอดีต
หากในโลกนี้ไม่มีดอกซากุระ ก็คงดำเนินชีวิตได้อย่างสงบ
ไม่ต้องตื่นเต้นหรือเสียดายในช่วงฤดูใบไม้ผลิกระมัง
อะริวาระโนะ นาริฮิระ (※1)ในสมัยนั้น ได้ประพันธ์บทกวีที่ว่า “หากในโลกนี้ไม่มีดอกซากุระ
ก็คงดำเนินชีวิตได้อย่างสงบไม่ต้องตื่นเต้นหรือเสียดายในช่วงฤดูใบไม้ผลิกระมัง” มีความหมาย
เดียวกับบทกวีทางด้านบน ซึ่งจากกวีบทนี้ ทำให้ทราบถึงความรู้สึกของผู้คนต่างๆ ในขณะที่รอคอย
การมาของดอกซากุระอย่างใจจดใจจ่อ และผู้คนที่รู้สึกเสียดายกลีบดอกซากรุที่ต้องร่วงหล่นนั่นเอง
(※1) เกิดในตระกูลชนชั้นขุนนางซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงปี 825 ถึงปี 880 เป็นนักกวีที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น อ้างอิง/Kojien
จิตรกรเองก็ได้จำความรู้สึกเหมือนกับในตอนนั้นและนำมาถ่ายทอดเป็นผลงานภาพวาดสไตล์ญี่ปุ่น
ที่มีซากุระประกอบอยู่ด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผลัดเปลี่ยนฤดูกาล ซึ่งมีอยู่หลายผลงาน
ดอกซากุระถึงแม้จะมีช่วงชีวิตและความงามที่สั้นเพียงสิบกว่าวันเท่านั้น แต่ก็ยังถูกนำมากล่าวถึงใน
งานด้านศิลปะต่างๆมากมายๆ นี่จึงถือเป็นหลักฐานอย่างดีถึงความรักของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อซากุระนั่นเอง
รูปภาพจาก:ภาพวาดภูเขาฟูจิกับซากุระโดยคะสึชิกะ โฮะกุไซ
ความชอบซากุระของชาวญี่ปุ่นนั้น ไม่เพียงแต่ในถูกนำมาถ่ายทอดในวงการศิลปะ
แต่ในวงการอาหารก็ยังถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางด้วยเช่นกัน
ที่ต่างประเทศเองก็มีอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆที่ทำขึ้นโดยใช้จุดเด่นของ “สี” หรือ “รูปร่าง”
ของดอกไม้ อย่างเช่น “Hibiscus Tea” แต่ว่าวัฒนธรรมที่นำ “รสชาติ” “กลิ่น” ของ
ดอกไม้ชนิดนั้นๆมาทำเป็นอาหารเหมือนกับขนม “ซากุระมันจู” ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่น่ามีแน่นอน
ซึ่งเพียงแค่นี้ก็พอจะพูดได้เต็มปากว่าคนญี่ปุ่นชอบซากุระมากมายแค่ไหนจริงไหมหละ
การชมซากุระเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
ธรรมเนียมการชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นั้นเริ่มมีมาตั้งในอดีตเมื่อ 1000 พันกว่าปีก่อนแล้วและมีเรื่องเล่า
และทฤษฎีต่างๆเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการชมซากุระด้วย เป็นต้นว่า เกษตรกรในสมัยนั้น
ได้จัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองขึ้นเพื่อสวดอธิษฐานขอให้การเก็บเกี่ยวพืชผลจากการเกษตรกรรม
อุดมสมบูรณ์ ซึ่งในสมัยนั้นเกษตรกรจะใช้วันที่เริ่มบานของดอกซากุระมาแทนปฏิทินอีกด้วย
แต่ว่าในตอนแรกนั้น ดอกบ๊วยจะเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าเนื่องจากสีสันที่สดใสและได้รับอิทธิพล
ทางวัฒนธรรมจากประเทศจีน แต่หลังจากนั้นความสนใจต่อดอกซากุระก็เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากซากุระเป็นดอกไม้ที่มีสีอ่อนและดูบอบบางอ่อนโยนน่าทะนุถนอม จึงทำให้ท้ายที่สุด
ดอกซากุระก็สามารถชนะใจชาวญี่ปุ่นได้สำเร็จและกลายเป็นที่นิยมต่อมานั่นเอง
ในยุคสมัยเฮอัน คังโอไค(※2)เป็นที่นิยมในบรรดาเหล่าขุนนางเป็นอย่างมาก จึงทำให้มีการ
นำต้นซากุระไปปลูกยังเมืองหลวงด้วย สุดท้ายแล้ววัฒนธรรมการชมซากุระจึงค่อยๆเป็นที่นิยม
อย่างกว้างขวางในฐานะที่เป็นกิจกรรมเพื่อความบันเทิงเริงรมย์
(※2)คังโอไค เป็นกิจกรรมเพื่อชมความงดงามของดอกซากุระ และคาดว่าน่าจะเป็นต้นแบบ
ของการชมซากุระในปัจจุบัน อ้างอิงจาก Kojien
ภายหลังจากที่เข้าสู่ยุคซามูไรครองอำนาจ วัฒนธรรมที่ถือกำเนิดมาจากเหล่าขุนนางก็ยังคงหลงเหลืออยู่
โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ(※3)ได้ปลูกต้นซากุระจำนวน 700 ต้น และครึ่งปีก่อนถึงแก่กรรมได้จัดงาน
“ไดโคะโนะฮานามิ” (※4) กับลูกน้องในสังกัด 1000 คน ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมาก
(※3) นายพลผู้ประสบความสำเร็จในการปกครองแผ่นดินทั่วราชอาณาจักร ผู้สร้างยุคสมัยที่ถูกเรียกว่า
เป็นยุคสมัย อะดสึจิโมโมะยามะและยุคสงคราม ในช่วงศตวรรษที่ 15-16
(※4) ไดโคะ คือวัดไดโคะซึ่งตั้งอยู่ที่เกียวโต เป็นงานชมซากุระที่เจ้าอาวาสของวัดไดโคะจัดขึ้นเพื่อให้
โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงในชีวิตบั้นปลาย
เมื่อดูจากสมัยเอโดะแล้ว วัฒนธรรมการชมซากุระได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของขนบธรรมเนียมประเพณี
ทางสังคม จึงทำให้ถูกจัดขึ้นโดยประชาชนชาวบ้านทั่วไปด้วย ซึ่งใกล้เคียงกับวัฒนธรรมการชมซากุระ
ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ปัจจุบันเองก็ได้มีการปรับปรุงสายพันธ์ของซากุระเพื่อให้เป็นที่ชื่นชอบของ
ผู้คนที่เกิดในสมัยเอโดะอีกด้วย อย่างเช่นซากุระพันธ์ Yoshino Cherry ที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี
ก็ถือกำเนิดในยุคนี้ด้วยเช่นกัน
ตรงส่วนไหนของซากุระที่「สวยงาม」กันแน่นะ
ข้อแรกก็คือรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูออ่อนโยนซึ่งตรงกับความชอบของชาวญี่ปุ่นนั่นเอง
ถ้ามองไกลๆแล้วจะดูเหมือนกับเมฆดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงมาสู่พื้นดิน ซึ่งเป็นภาพที่ดู
เปรียบเสมือนอยู่ในโลกแห่งความฝัน จึงทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างพากันหลงไหลและ
เคลิบเคลิ้มไปกับภาพฉากแห่งความฝันฉากนี้แน่นอน ซากุระอาจจะไม่ใช่ดอกไม้ที่มี
“สีชมพู” ที่สดใสแต่ว่าเป็นดอกไม้ที่ถูกชโลมด้วย “สีชมพูซากุระ” อ่อนๆซึ่งดูอ่อนโยน
นุ่มนวล เพราะแบบนี้จึงทำให้ใครต่อใครต่างพากันหลงรักนั่นเอง
ดอกซากุระเป็นดอกไม้ที่มิได้คงภาพลักษณ์รูปร่าง “ความบริสุทธิ์” “ความงดงาม”
อย่างสง่างามตามคำนิยามของดอกไม้ทั่วไป แต่ความงามของซากุระนั้นคงอยู่เพียงไม่นาน
เมื่อบานเต็มที่แล้ว ก็จะร่วงทันที ถึงแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานแต่ความงามนั้นก็ย่อมตราตรึง
และประทับใจชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริงตราบนานเท่านาน และในขณะที่ดอกซากุระกำลัง
ร่วงหล่นนั้นยังแสดงให้เห็นถึงภาพสัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณซามูไรที่มีมาตั้งแต่อดีตอีกด้วย
ความบริสุทธิ์และรูปร่างของดอกซากุระ คือปัจจัยที่คุ้นเคยกับหัวใจของชาวญี่ปุ่นนั่นเอง
สุดท้ายนี้
ถ้าถามถึงความรู้สึกของ “ซากุระ” และ “การชมซากุระ” เชื่อว่าผู้คนส่วนใหญ่คงนึงถึงภาพ
ของซากุระที่บานเต็มที่ตัดกับท้องฟ้าสดใสไร้ก้อนเมฆแน่นอน แต่ถึงแม้ท้องฟ้าจะไม่เป็นใจ
หรือซากุระยังไม่บานเต็มที่ ก็ไม่ต้องห่วงเพราะย่อมต้องได้เห็นมุมมองที่สวยงามของซากุระ
ในด้านอื่นที่ต่างออกไปอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะเป็นดอกซากุระในวันที่มีเมฆหนาหรือ
เป็นกลีบของดอกซากุระในวันที่ร่วงหล่นจากฝน ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับชีวิตของคนเราที่
ไม่ยั่งยืนแน่นอน สังวันก็คงต้องร่วงโรยดั่งเช่นดอกซากุระ
เพื่อนๆเองหากมีโอกาส ก็ลองมาสนุกกันให้เต็มที่กับบรรยากาศและช่วงเวลาของซากุระอันแสนสั้นกันดีกว่า
平成生まれのワセジョ、ノルウェーから帰還。14カ国と1自治区。デジタルな写真を撮ります。
นอกจากนี้ บทความอาจมีลิงก์โฆษณา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อหรือจอง